สวัสดีครับวันนี้ก็จะมี Review ตัว Peak อีกตัวที่ใช้เวลาในการเขียนนานม๊ากกก เนื่องจากสารที่เค้าได้นำมาใช้เป็น Whitening นั้นมีความน่าสนใจอยู่หลายตัวเลยทีเดียวเลยล่ะ ก่อนอื่นก็ต้องพูดถึง Brand กันก่อนนะครับ จริงๆ แล้วหมูเคยได้เขียนที่มาไว้แล้วใน Dr.Ci:labo : VC 100 Essence Lotion นะครับ ว่า Start มาจาก Yoshinori Shirono M.D,PhD (คนกลางในรูปด้านล่าง) จบการศึกษาจาก Keio University School of Medicine ในประเทศญี่ปุ่น และเป็นผู้ก่อตั้ง Shirono Clinic ในปี 1995 (พ.ศ. 2538) โดยตัวตัวคุณ Yoshinori เองเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในด้าน Dermatological Laser Surgery ครับ และมีเคสผ่านมือของแกมาแล้วไม่ต่ำกว่า 50,000 เคสเลยทีเดียว
ทีนี้หลายๆ คนก็คงจะคุ้นเคยกับครีม Aqua-Collagen-Gel ของเค้าที่มี 4 แบบ 4 กระปุก 4 สี นะครับ (แต่ด้านล่างนี้หมูเอาสูตรที่ไม่ค่อยคุ้นตามาให้ดูเป็นตัว Rose ล่ะ)
ทีนี้ใน Product Line อื่นๆ ที่มีความน่าสนใจอยู่มากที่หมูเห็นแล้วต้องคว้ามาขอลองซักหน่อยก็ต้องเป็นเจ้านี้ล่ะครับ Dr.Ci:labo : Super White 377VC ซึ่งที่มีขอเจ้าชื่อ377VC นั้นหากใครอยู่ในวงการของการขายสาร Active หรือเป็นคนที่ติดตามข่าวสารต่างๆของ Supplier ก็จะสามารถจับต้นชนปลายได้ว่ามันคือ SymWhite® 377 ที่พัฒนาโดยบริษัท Symrise นั้นเอง โดยตัวมันจะเป็น Antioxidant ที่ส่งผลให้ผิวมีความสว่างใส (lightening และ Brightening) และยังมีงานวิจัยออกมาครับว่ามันสามารถลดฝ้าได้ถึง 43% หากใช้ต่อเนื่องกัน 3 สัปดาห์นะครับ
Dr.Ci:labo : Super White 377VC นั้นมีการวิวัฒนาการมาแล้วถึง 4 รุ่น นะครับ (นี้ครีมหรือ Pokemon? 555) จน Version ล่าสุดก็จะเป็นตัวขวดสีทองนี้ที่ได้พัฒนามาตั้งแต่ปี 2014 ที่ผ่านมานั้นเอง
สรุปภาพรวม
เจ้าตัวนี้สารเยอะมาก ใช้เวลาหาข้อมูลนานทีเดียวเชียวครับ ตอนแรกก็ลังเลว่าจะเขียนดีไหมเพราะว่าสารเยอะจริงๆ (ขี้เกียจนั้นเอง) แต่ก็รู้สึกว่าใช้ไปจนใกล้จะหมดแล้วเห็นผลที่ดี เลยแบบไม่ได้และคันไม้คันมือ เอาวะ! เขียนก็เขียน เจ้าตัวนี้ (18g/2,380บาท) ก็แอบแพงอยู่นะ เพราะถ้าเทียบเป็น 30 ml ตามขนาดปกติทั่วไปของ Serum ก็จะราคา 3,966.66 บาท เกือบ 4,000 บาท เลยทีเดียว (จุดนี้ใครไปญี่ปุ่นบ่อยๆ แนะนำให้ตุนไว้ได้เลย ราคาถูกกว่าในไทยหลายขุม)
เข้าเรื่องดีกว่าครับ คือจะบอกว่าจากการอ่านสารยาวเหยียดเป็นหางว่าวแล้ว หมูขอพิจารณา Serum ตัวนี้เป็น 4 มุมนะครับ
1. สาร Whitening
- Phenylethyl Resorcinol หรือที่มีชื่อทางการค้าว่า SymWhite® 377 เป็นตัวหลักที่ทาง Brand ได้ใส่เข้ามา โดยมีงานวิจัยชัดเจนว่ามันสามารถรรักษาฝ้าได้ 43% จากการทดลองเพียง 3 อาทิตย์
- Vitamin C ที่มี Profile ชัดเจนเรื่องของการเป็น Whitening รวมถึงความสามารถในการลดริ้วรอยใส่มาทั้งหมด 2 รูปแบบ ตามด้านล่างนี้ครับ
- Trisodium Ascorbyl Palmitate Phosphate
- Ascorbic Acid
- Pinus Pinaster สารสกัดจากต้นสนมีชื่อทางการค้าว่า Pycnogenol® สารตัวนี้ถ้าอ่านตาม Pubmed จะเป็นสารที่เน้นเรื่อง Antioxidant แต่ผู้ผลิตสารเองจะมีการเคลมด้วยว่ามันสามารถรักษาฝ้าได้นะ ซึ่งส่วนใหญ่พวกนี้จะเป็นงานวิจัย In-house ยังไม่ได้แพร่หลาย หรือมีนักวิจัยอื่นๆ มาทดสอบ ก็ต้องนำไปพิจารณากันต่อเอง
- Larix Sibirica Wood Extract เป็นเปลือกของต้นสนชนิดหนึ่งที่ยังไม่เจอข้อมูลใน Pubmed แต่ว่าตัวมันเองมีคนจด Patent ไว้ว่ามันมีความสามารถเป็น Skin Lightening (ช่วยให้ผิวดูสว่างขึ้น)
- Hexanoyl Dipeptide-3 Norleucine Acetate หรือที่เรียกกันทั่วๆไปว่า PPP3 ซึ่งผู้ขายสารอ้างว่ามันจะช่วยให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วของเราหลุดลอกออกไปง่ายขึ้น ถือเป็นการผลัดเซลล์ผิวเก่าๆ (ที่มีเมลานินอยู่ในนั้น) และเผยผิวใหม่ๆ ขึ้นมา ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน กระจ่างมากขึ้น
- OLIGOPEPTIDE-34 ตัวนี้เป็น peptide ที่ผู้ขายสารอ้างว่ามันสามารถไปยับยั้งการส่งผ่านของถุงเมลานินไปยังเซลล์ด้านบนนะครับ งานวิจัยใน Pubmed ยังไม่มี (ส่วนตัวมองว่าถ้าต้องการ Function นี้ไปใช้ Vitamin B3 หรือไม่ก็สารสกัดจากถั่วเหลืองพวก Isoflavone หรือ Genistein จะชัวร์เสียกว่า)
2. สาร Antioxidant / Anti-Inflammatory (บรรเทาอาการอักเสบ)
- Scutellaria Baicalensis Root Extract ที่มักจะเห็นกันบ่อยๆ ใน Product แนวเสริมความแข็งแรงให้ผิว หรือ line ความชุ่มชื้น
- Centella Asiatica Extract ก็คือเจ้าใบบัวบกที่มีปริมาณ Saponin ค่อนข้างมาก และยังช่วยในการสมานแผลให้ไว้ขึ้น
- Rubus Ellipticus Root Extract หนามไข่กุ้งก็จะมีส่วนประกอบ phenol, flavonoid และ tannin ก็ให้ความสามารถการเป็น Antioxidant ที่ดี
- Passiflora Edulis Fruit Extract สารสกัดจากเสารสที่มี Profile ในการช่วยรักษาบาดแผลให้เร็วขึ้น
3. Fullerene ตัวแซ่บเอาไว้ลดขนาดรูขุมขน
- ตัวนี้พลาดไม่ได้เพราะเป็นตัวที่มีงานวิจัยว่ามันมีความสามารถในด้านการเป็น Super Antioxodant แถมยังลดขนาดรูขุมขนได้ถึง 17.6% ภายใน 2 เดือน (หากใช้ที่ความเข้มข้น 1%)
4. สารที่เอาไว้ลดผลกระทบจากรังสี UV (มีทั้ง UVA/UVB)
- Astaxanthin หรือเจ้าสาหร่ายสีแดงที่บ้านเราเคยฮือฮาและยังมาเป็นระรอกๆ มันก็มีงานวิจัยชัดเจนว่ามันช่วยปกป้องเราจาก UVA ได้ระดับหนึ่ง
- Resveratrol อันนี้อะแซ่บ! มันเป็นสารที่หมูเคยไปคุยกับอาจารย์ท่านหนึ่ง แกบอกว่าแกเคยเอาให้คนผิวสีทดลองทาดู แล้วพบว่ามันสว่างขึ้นได้จริงๆ (ตรงนี้ไม่มีรูปให้นะครับ ก็พิจารณากัน) ในส่วนของงานวิจัยที่เจอจาก Pubmed จะบ่งชี้ว่ามันเป็น Antioxidant และช่วยลดผลกระทบต่างๆ ที่เกิดจาก UVB แสดงถึงคุณสมบัติการเป็น Anti-aging ด้วย
- Soluble Proteoglycan เจ้าตัวนี้ก็สามารถลดผลกระทบจาก UVB ได้ครับ เป็นสาร Anti-aging (ถ้าใครคุ้นๆ มันก็คือสารที่ Flacora เอามาขายในชื่อจมูกปลาแซลม่อนนั้นเอง)
5. สารที่เน้นเรื่องความสมบูรณ์ของผิว
- สารพวกนี้ใส่มาปลายๆ แล้วนะครับ ก็จะเป็นสารเน้นความแข็งแรง ชุ่มชื้นของผิว แนว Skin Barrier ก็พวก Squalane และ Fatty Acid ที่ได้จากน้ำมัน Avocado, Rosehip และ เมล็ด Apricot
6. Vitamin ที่เสริมเข้ามา
- พวกนี้ก็ไม่ได้ใส่มาเยอะอะไรมากนะครับ มี
- Vitamin A (Retinyl Palmitate)
- Vitamin B5
- Vitamin E
สรุปข้อดี/ข้อเสีย
ข้อดี
- มีสาร Whitening มากมายที่มีงานวิจัยรองรับ (ส่วนตัวใช้แล้วเห็นผลในสัปดาห์ที่ 3 ว่าผิวดูสว่างขึ้นจริง)
- มีสาร Antioxidant มาแบบอัดหนัก
- มีสารที่ช่วยลดผลกระทบจาก UVA และ UVB
- ไม่มีสี น้ำหอม
- Packaging สูญญากาศ
ข้อเสีย
- ไม่มี (แต่ถ้าขอได้ก็อยากให้เติม Vitamin B3 + Acetyl Glucosamine มาเพิ่มอีกซักหน่อย แหะ! เรื่องเยอะ!)
อย่าลืมไป Update ข่าวสารที่ Facebook : livelymoo กันนะครับ
รีวิวละเอียด ขี้เกียจอ่านก็ข้ามเลยครับ
เนื้อสัมผัส
รายละเอียดส่วนผสม
- Water
- Neopentyl Glycol Dicaprate
- Emollients
- Pentaerythrityl Tetraethylhexanoate
- Emollients
- Butylene Glycol
- Dipropylene Glycol
- Pentylene Glycol
- Glycerin
- Arachidyl Alcohol
- Phenylethyl Resorcinol
- ตัวนี้คือ SymWhite® 377 ที่พัฒนาโดยบริษัท Symrise โดยตัวมันจะเป็น Antioxidant ที่ส่งผลให้ผิวมีความสว่างใส (lightening และ Brightening) ซึ่งมีงานวิจัยออกมาครับว่ามันสามารถลดฝ้าได้ถึง 43% หากใช้ต่อเนื่องกัน 3 สัปดาห์
- มีข้อมูลจากบางเวบเขียนไว้ว่าปริมาณ 0.5% ก็มีประสิทธิภาพมากกว่า Kojic Acid 1% แล้วครับ แต่หมูยังหา Paper มา Support ไม่เจอ แต่ก็ไปเจอรูปใน Internet ที่หา Source ที่แท้จริงไม่เจอก็ลองดูกันขำๆ ครับ
- ใครที่อยากอ่านข้อมูลด้านอื่นๆ ก็สามารถเข้าไปที่ Website ของบริษัท Symrise ได้เลยนะครับ >> LINK
- Trisodium Ascorbyl Palmitate Phosphate
- ตัวนี้เป็น Vitamin C ที่หมูเคยเขียนข้อมูลไว้แล้วว่ามันช่วยให้ริ้วรอย และรูขุมขนลดลงได้ และที่สำคัญคือสามารถลดเม็ดสีได้เช่นกันครับ ลองไปอ่านที่ Vitamin C (2) กันดู
- Platinum Powder
- Ascorbic Acid
- Vitamin C ชนิด AA สามารถช่วยให้ผิวขาวขึ้นได้จริง
- Scutellaria Baicalensis Root Extract
- สารสกัดจากรากหมวกไบคาล ช่วยในเรื่องการต้านการระคายเคือง [Source :http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/25046235]
- Centella Asiatica Extract
- สารสกัดจากใบบัวบก เจ้าตัวนี้เป็นตัวทำมาหากินของ Brand Sisley มาช้านานครับ สรรพคุณดีงามมากมายหลากหลาย เช่นรักษาอาการแพ้อักเสบ หรือช่วยในเรื่องของการสมานแผลและการผลิต Collagen โดยสารหลักๆของมัน คือ Triterpenoid และ saponins (ที่มีในโสมเช่นกัน)
- Rubus Ellipticus Root Extract
- เป็นสารสกัดจากรากของต้นหนามไข่กุ้ง ตัวนี้ข้อมูลใน Pubmed จะมีแต่เรื่องของผลมันนะครับ แต่หมูก็ไปหาข้อมูลที่เกี่ยวกับรากของมันมาจนได้ล่ะ เค้าบอกว่ารากของเจ้าต้นนี้มันมีส่วนประกอบของพวก phenol, flavonoid และ tannin ที่สูงกว่าส่วนอื่นๆ ซึ่งมันก็จะเป็น Antioxidant ที่ดีเลยทีเดียวครับ
- Averrhoa Carambola Leaf Extract
- สารสะกัดจากใบมะเฟือง ตัวนี้มีการทดสอบกับหนูด้วยนะครับว่ามันมีคุณสมบัติลดการระคายเคืองได้ (Anti-Inflammatory)
- Glycine Soja Germ Extract
- สารสกัดที่ได้จากถั่วเหลืองมีคุณสมบัติในการรักษา Hyperpigmentation ซึ่งมันทำงานโดยการไปยับยั้งการส่งเม็ดสีผ่านไปยังเซลล์ผิวด้านบนครับ
- Rosa Hybrid Flower Extract
- สารสกัดจากดอกกุหลาบ ตัวนี้หาข้อมูลเร็วๆ ไม่เจออะไรมากนักครับ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการรักษาผิวอักเสบ
- Prunus Mume Fruit Extract
- สารสกัดจากลูกพลัมมีคุณสมบัติในการรักษาโรคทางผิวหนัง
- Passiflora Edulis Fruit Extract
- สารสกัดจากผลเสาวรสอ่านข้อมูลเจอมาว่ามันมีความสามารถในการช่วยรักษาบาดแผลนะครับ แต่เป็นการทดลองในหนูล่ะ
- นอกจากนี้ยังไปเจอว่า linoleic acid ที่ได้จากเสาวรสมันจะไปเสริมการทำงานการเป็น Whitening ของเจ้า Schinus terebinthifolius Raddi ให้ดีขึ้นนะครับ
- Fullerenes
- ตัวนี้กำลังมาในโลกของ Cosmetic ด้วยประสิทธิภาพของมันครับ เค้าพบว่ามันเองมีความสามารถในการเป็น Antioxidant ที่ทรงประสิทธิภาพ รวมถึงความสามารถในการจัดการกับ ROS หรือ radical oxygen species ที่เป็นอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง
- ความแซ่บของสารตัวนี้อยู่ที่งานวิจัยว่ามันสามารถช่วยในเรื่องของการลดขนาดรูขุมขนครับ เค้าวิจัยพบว่าใช้เพียง 1% อยู่ 2 เดือน ทาเช้าเย็น ก็สามารถช่วยให้ขนาดรูขุมขนของเรานั้นลดลงไปได้ถึง 17.6% เลยทีเดียว
- กดเข้า Link นี้เพื่อไปดูรูปนะครับว่ามันลดขนาดของรูขุมขนลงไปได้จริงๆ ครับ
- ในส่วนของความน่าประทับใจขึ้นไปอีกขั้นคือเรื่องของการใช้ Fullerene ร่วมกับ Ascorbic Acid ในการจัดการ ROS ที่เกิดจาก UVB ครับ (หมูได้อธิบายเรื่อง Ascorbic Acid ไว้แล้วถึง 4 ชนิดด้านบนนะครับ)
- งานวิจัยชิ้นนี้เป็นการเปรียบเทียบประสิทธิภาพการเป็น Antioxidant ของเจ้า Fullerenes ครับว่ามันดีจริงๆ นะ เทียบกับสารอื่นๆ แล้วก็พบว่ามันมีคุณสมบัติการเป็น Antioxidant ที่ดีกว่า Vitamin C บางรูปแบบ
- Astaxanthin
- มีงานวิจัยว่ามันสามารถลดผลกระทบจาก UVA ได้ครับ เพราะว่า UVA จะทำให้ผิวเราหย่อนมากกว่าเกิดริ้วรอย
- Pinus Pinaster
- ตัวนี้เป็นสารสกัดจากต้นสน ซึ่งข้อมูลจาก Pubmed ที่เจอเป็นเรื่องของการกินซะมากกว่า เข้าใจว่ามันมีชื้อทางการค้าว่า Pycnogenol® นะครับ เจ้าเปลือกของต้นสนนี้จะมี polyphenolic compound ที่ประกอบขึ้นมาจาก catechin, epicatechin และ phenolic acids ที่มีคุณสมับติในการเป็น Antioxidant ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย และสามารถลดการอักเสบได้
- นอกจากนี้ได้มีคนนำเจ้า Pycnogenol® มาทดสอบความสามารถในการรักษาฝ้าด้วยนะครับ เป็นเรื่องของการกิน เค้าเอาผู้หญิง 30 คนมาร่วมโครงการทดสอบทั้งหมด 30 วันเพื่อกินเจ้าสารตัวนี้ 25 mg และพบว่ามันสามารถช่วยรักษาฝ้าได้ โดยไม่มีผลกระทบข้างเคียง
- Resveratrol
- เจ้าตัวนี้เป็นสารที่สามารถสกัดจากได้องุ่นนะครับ มันมีความสามารถในการสกัดกั้นกระบวนการสารเม็ดสี (Melanin Synthesis) ซึ่งเค้ามีการนำไปทดลองบนผิวหนังของสัตว์ นั้นก็คือผิวของหมูนั้นเอง ซึ่งจากการทดลองเค้าก็พบว่ามันไปสกัดการทำงานของ Tyrosinase, Tyrosinase-related proteins 1 และ 2 นอกจากนี้เจ้า Resveratol ยังสามารถเข้าไปยับยั้งและลดผลกระทบการสร้างเม็ดสีของผิวที่เกิดจากการกระตุ้นของ UVB ได้อีกด้วย ลองกดเข้าไปดูใน Link ด้านล่างคับเค้ามีรูปให้ดูข้างใน
- นอกจากนี้ก็จะมีรายงานมากมายของ Resveratol ใน Pubmed เพื่อยืนยันความสามารถในการเป็น Antioxidant และช่วยลดผลกระทบต่างๆ ที่เกิดจาก UVB แสดงถึงคุณสมบัติการเป็น Anti-aging ด้วยนะครับ
- Larix Sibirica Wood Extract
- สารสกัดจากเปลือกของต้นไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งหมูไปอ่านใน Pubmed ก็ยังไม่เจอข้อมูลในเรื่องของการทาลงผิว แต่ไปเจอว่ามันมี Patent ว่ามันสามารถเป็น skin lightening ได้นะครับ
- Lepidium Sativum Sprout Extract
- ตัวนี้คือ Swiss garden cress sprout ก็ยังหาข้อมูลใน Pubmed ไม่ค่อยมีเท่าไหร่ครับ เจ้าตัวนี้ก็มีใส่อยู่ในสาร Active ตัวหนึ่งที่มีชื่อทางการค้าว่า Delentigo ที่ผู้ขายสารมีการอ้างว่ามันสามารถช่วยให้ผิวขาวได้ (แต่ใน Delentigo มีสารสกัดอื่นที่ช่วยเรื่องลดเม็ดสีรวมอยู่ด้วย)
- Hydrolyzed collagen
- Hydrolyzed Hyaluronic Acid
- Hydrolyzed Elastin
- Soluble Proteoglycan
- ตัวนี้ต้องบอกว่ามันมีอยู่ในกระดูกอ่อนข้อต่อของคนเราครับ เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของกระดูกอ่อนข้อต่อร่วมกับคอลลาเจน และกรดไฮยาลูโรนิก เมื่อเราอายุมากขึ้นเจ้าตัวนี้ก็จะมีปริมาณลดลง ส่งผลให้ผิวพรรณของเราไม่ยืดหยุ่นครับ
- ในส่วนของ Soluble Proteoglycan นั้นพอเอาไปหาข้อมูลใน Pubmed กับสื่อต่างๆ ก็เจอมากมายอย่างไม่น่าเชื่อเลยครับ เช่น
- เป็น Anti Aging โดยลดผลกระทบจากการทำร้ายของ UVB [http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/22367383]
- สามารถช่วยในการรักษาบาดแผล [http://rdo.psu.ac.th/sjstweb/Ar-Press/56-June/June_19.pdf]
- มีความสามารถในการเป็น Antioxidant [http://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1876107010001513]
- นอกจากนี้สารตัวนี้ยังอยู่ใน Fracora : Lift’est Proteoglycan Serum ซึ่งเค้าสกัดมาจากกระดูกอ่อนของส่วนปลายจมูกปลาแซลม่อนครับ
- Hexanoyl Dipeptide-3 Norleucine Acetate
- เจ้าตัวนี้ไม่เจอวิจัยรองรับใน Pubmed นะครับ มีแต่คำกล่าวงอ้างจากผู้ผลิตสารว่ามันเป็นเปปไทด์ที่สามารถไปลดกาวที่ยึดเหนี่ยวเซลล์ผิวหนังด้านบน (ขี้ไคล) ได้ มันมีชื่อ INCI ว่าHexanoyl Dipeptide-3 Norleucine Acetate (and) Lecithin (and) Glycerin (and) Phenoxyethanol (and) Aqua / Water2. รูปด้านบนเป็นการเทียบประสิทธิภาพที่อ้างโดยผู้ผลิตสารนะครับ ภาพซ้ายคือผิวที่ไม่ได้ทาอะไร ตรงกลางเป็นผิวที่ทาครีมที่หลอกว่ามีสาร และขวาสุดคือการทาครีมที่มี PPP3 1% จะเห็นว่าด้านขวาสุดนั้นชั้นขี้ไคลจะบางกว่า ทำให้ผิวดู Smooth มีริ้วรอยที่ตื้นขึ้น อย่างไรก็ตามมันเป็นเพียงการวิจัย In-House ครับ ก็ต้องฟังหูไว้หูครับ
- Actinidia Polygama
- เอาจริงๆชื่อภาษาไทยที่เจอจากใน Google คือตำแยแมวครับ ส่วนภาษา Hiso จะเรียกกันว่า Silver Vine มันเป็นไม้เลื่อยมีดอกสวยงาม สารสกัดของมันมีคุณสมบัติในเรื่องของการยับยั้งอาการอักเสบ เพราะว่ามันปริมาณของ alpha-linolenic acid (ALA) หรือ Omega3 อยู่สูง
- จากการหาข้อมูลไปเจอบริษัทที่ผลิตสารสกัดเจ้า Silver Vine นี้ชื่อ Maruzen ที่อ้างว่าจะไปยับยั้งการเสื่อมสลายของโปรตีน (อันนี้เดาว่าคือไปช่วยให้ผิวเราไม่อมเหลืองครับ)
- Chrysanthellum Indicum Extract
- ลดการระคายเคือง ช่วยรักษาอาการทางผิวหนังต่างๆ และยังช่วยเรื่องสิวได้ด้วย
- Aloe Barbadensis Leaf Extract
- ลดการระคายเคือง
- Persea gratissima Oil
- Avocado นั้นมีสารอาหารเยอะมากๆ ครับ มันถือเป็น Anti Aging ได้เลยทีเดียว ตัวผลมันเองก็จะมี Vitamin A B1 B2 B3 B6 B7 (Biotin) C D E K โอ้ยยยยยย เยอะไป้
- นอกจากนี้น้ำมันที่ได้จากเมล็ดของ Avocado จะมี Fatty Acid อยู่มากมาย โดย FA ที่มีอยู่ในปริมาณมากสุดจะเป็น Linoleic Acid (Omega-6 FA) ที่มีอยู่ประมาณ 40% [http://www.centerchem.com/Products/DownloadFile.aspx?FileID=6558]
- Linoleic Acid นั้นเหมาะกับผิวที่เป็นสิว และคนที่เป็นสิวง่าย (Acne Prone Skin) เพราะว่าสาเหตุหนึ่งของสิวนั้น เกิดมจากการที่ผิวมีปริมาณ Linoleic ที่น้อยเกินไปครับ
- ทั้งนี้ Linoleic Acid หรือ Omega-6 FA ซึ่งเป็น Essential Fatty Acids นั้นไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาเองได้ภายในร่างกายคนเรา (ถึงใช้ชื่อว่า Essential ไงล่ะ) หมูเองก็เคยพูดไว้บ้างแล้วใน Fresh : Sugar Face Polish ครับ ว่ามันเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมเรื่องของ Skin Barrier ครับ
- ตัวนี้มี Gamma Linolenic Acid 0.1%-3% ครับ ก็ยังไม่ได้มากเท่า Evening Primrose กับ Borage เท่าไหร่ (ปล. สังเกตตัว n ที่เพิ่มขึ้นมานะครับ มันคนละตัวกับ Linoleic Acid นะ) โดยเจ้า GLA นี้แหล่ะคือตัวที่ช่วยเราในเรื่องของการต้านการอักเสบต่างๆ ของผิวครับ
- Comedogenic Rating 2 [https://www.beneficialbotanicals.com/facts-figures/comedogenic-rating.html]
- Safety Score (1)
- Rosa Canina Fruit Oil
- น้ำมันของโรสฮิปมีคุณสมบัติเป็น Moisturizer ที่ดี รวมทั้งยังมี Retinoic Acid ที่เป็น Form หนึ่งของ Vitamin A ซึ่งมีคุณสมบัติเป็น Anti Aging นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในเรื่องของการรักษารอยแผลเป็นต่างๆ ทั้งนี้มีผลการทดสอบในการรักษาแผลในคน 10 คน (Ulcer) [http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/2214931]
- Linoleic Acid 41% [http://www.centerchem.com/Products/DownloadFile.aspx?FileID=7106]
- Comedogenic Rating (1)
- Safety Score (1)
- Apricot Kernel Oil
- น้ำมันจากเมล็ด Apricot ไปค้นมาพยว่าเจ้านี้มี Oleic ประมาณ 70% และมี Linoleic ประมาณ 25% นะครับ
- Comedogenic Rating 2 [https://www.beneficialbotanicals.com/facts-figures/comedogenic-rating.html]
- Natto Gum
- เป็นสิ่งที่ได้จากการหมักบ่มถั่วเหลือง ข้อมูลใน Pubmed ยังไม่มี แต่ผู้ขายสารจะอ้างว่ามันมี polymer ของ γ–polyglutamic acid (γ-PGA) ที่เข้ามาช่วยในเรื่องความชุ่มชื้น
- Retinyl Palmitate
- Vitamin A มีคุณสมบัติไปทาง Anti Aging แต่ใส่มาท้ายขนาดนี้ก็อาจจะไม่ค่อยเห็นผลอะไรแล้วล่ะ
- Panthenol
- Vitamin B5 โด่งดังในหมู่ของ Vitamin ในด้านการ Sooth ผิวครับ เป็น Humectant ที่ช่วยดึงน้ำเข้าผิว มีความสามารถในการช่วยเสริมสร้าง Skin Barrier (ช่วยลด TEWL หรืออัตราการสูญเสียน้ำ) รวมถึงการเสริมการแบ่งตัวของ Fibroblasts ซึ่งเป็น Cell ที่ผลิต Collagen และ Elastin เจ้าตัวนี้อยู่ใน Product ของ Paula Choice’s อยู่มากมายเลยครับ
- Tocopherol
- Antioxidant
- Vitamin E นั้นมีอยู่ทั้งหมด 8 Forms ครับ มีทั้ง Alpha Beta Gamme Delta เวิ้นกันไป โดยที่ตัวที่เป็น Active Form จะเรียกว่า Alpha-Tocopherol
- อย่างไรก็ดี Vitamin E ก็สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาได้จาก Petroleum Product เราก็จะเรียกกันว่า Synthetic vitamin E ซึ่งพวกนี้จะมี “dl-” นำหน้าครับ
- ส่วน Natural Vitamin E หรือ Vitamin E ที่มาจากธรรมชาตินั้นก็จะมี “d-” นำหน้ามา เช่น d-alpha tocopherol, d-alpha tocopheryl acetate หรือ d-alpha tocopheryl succinate
- Natural Vitamin E จะดีกว่าแบบ Synthetic ในแง่ของการดูดซึม ทั้งนี้มีการวิจัยในญี่ปุ่นพบว่าจะต้องใช้ Vitamin E แบบสังเคราะห์ถึง 3 เท่าเมื่อเทียบความสามารถกับแบบ Natural
- มีงานวิจัยที่สนับสนุนงานวิจัยด้านบน ว่าแบบ Natural นั้นถูกดูดซึมได้ดีกว่า
- งานวิจัยของ Oregon State University พบว่าแบบ Synthetic สลายตัวไวกว่า Natural ถึง 3 เท่า
- มีงานทดลองกับหนูครับบอกว่ามันช่วยเรื่องลดการผลิตเม็ดสี ลดการระคายเคืองที่เกิดจากการกระตุ้นจาก UV
- Glucosyl Hesperidin
- ตัวนี้จากข้อมูลใน Websit บอกว่ามันเป็น flavonoid compound ที่ออกฤทธิ์ในด้านการกระตุ้นการไหลเวียนของกระแสโลหิตนะครับ มันจะไปช่วยในเรื่องของบริเวณรอบดวงตาที่เป็นตาแพนด้า (darl circle) เจ้าสารนี้มักจะพบได้ในส้มและเลม่อนนะครับ และบางครั้งจะถูกเรียกว่า Vitamin P ด้วยล่ะ
- ไปอ่านเจอข้อมูลใน Pubmed ก็ยืนยันในเรื่องการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตเช่นกันนะครับ (ซึ่งตรงนี้เค้าก็เอามาใช้กับอาการของบางคนที่มือเย็นเท้าเย็นกันได้ครับ)
- Stearyl Glycyrrhetinate
- สารสกัดจากชะเอมเทศ หรือ Licorice มันก็ออกมาเป็นแนวของการลดการระคายเคืองนะครับ ส่วนใหญ่ Report ของชะเอมก็จะให้มาในแนวของการลดเม็ดสีด้วย แต่เจ้าตัวนี้เป็นรูปแบบหนึ่งของมันซึ่งก็ยังไม่เจอข้อมูลด้านลดเม็ดสีใน Pubmed ครับ
- Ethylhexylglycerin
- สารกันเสียที่เอามาใช้แทน paraben ได้มาจาก Glycerin
- Squalane
- ในผิวของคนเราจะมี Squalene อยู่ประมาณ 13% นะครับ เพียงแต่ว่ามันไม่คงตัว (unsaturated) เค้าจึงหันมาใช้ตัว Derivative ที่คงตัว (Saturated) แทน ซึ่งก็คือ Squalane ครับ
- คุณสมบัติของมันก็มากมายมีการนำไปทดสอบกับทั้งสัตว์ คน (In Vivo) และหลอดทดลอง (In Vitro) ซึ่งก็พบว่ามันเป็นทั้ง anticancer, antioxidant, drug carrier, detoxifier, ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และ (แทรกตามรอยแตกของผิว) emollient ครับ
- Zea Mays Oil
- น้ำมันข้าวโพด
- Butyrospermum Parkii Butter
- Emollients
- Beeswax
- Caprylic/Capric Triglyceride
- Dimethicone
- Glyceryl Stearate SE
- Arachidyl Glucoside
- Inulin Lauryl Carbamate
- Lecithin
- Behenyl Alcohol
- Silica
- PVP
- Ammonium Acryloyldimethyltaurate
- ตัวสร้างเนื้อครีม
- VP Copolymer
- Xanthan Gum
- Cellulose Gum
- Cyclodextrin
- Sodium Citrate
- Caramel
- Phenoxyethanol
- OLIGOPEPTIDE-34
- ตัวนี้ก็มีคณสมบัติเป็น Whitening ครับ แต่ถ้าไปหาข้อมูลใน Pubmed ก็จะยังไม่เจอหรอก ทางผู้คิดค้นอ้างว่ามันสามารถไปขัดขวางการสร้างเม็ดสีใน Melanocyte รวมถึงการไปยับยั้งการส่งผ่าน Melanosomes ไปยังเซลล์ Keratinocyte ด้านบนได้อีกด้วย ใครที่สนใจก็เข้าไปอ่านข้อมูลได่ที่ >> LINK
Ingredients : Water, Neopentyl Glycol Dicaprate, Pentaerythrityl Tetraethylhexanoate, Butylene Glycol, Dipropylene Glycol, Pentylene Glycol, Glycerin, Arachidyl Alcohol, Phenylethyl Resorcinol, Trisodium Ascorbyl Palmitate Phosphate, Platinum Powder, Ascorbic Acid, Scutellaria Baicalensis Root Extract, Centella Asiatica Extract, Rubus Ellipiticus Root Extract, Averrhoa Carambola Leaf Extract, Glycine Soja Germ Extract, Rosa Hybrid Flower Extract, Prunus Mume Fruit Extract, Passiflora Edulis Fruit Extract, Sodium Tocopheryl Phosphate, Fullerenes, Astaxanthin, Pinus Pinaster, Resveratrol, Larix Sibirica Wood Extract, Lepidium Sativum Sprout Extract, Hydrolyzed collagen, Hydrolyzed Hyaluronic Acid, Hydrolyzed elastin, Soluble Proteoglycan, Hexanoyl Dipeptide-3 Norleucine Acetate, Actinidia Polygama, Chrysanthellum Indicum Extract, Aloe Barbadensis Leaf Extract, Persea gratissima oil, Rosa Canina Fruit Oil, Apricot Kernel Oil, Natto Gum, Retinyl Palmitate, Panthenol, Tocopherol, Glucosyl Hesperidin, Stearyl Glycyrrhetinate, Ethylhexylglycerin, Squalane, Zea Mays Oil, Butyrospermum Parkii Butter, , Beeswax, Caprylic/Capric Triglyceride, Dimethicone, Glyceryl Stearate SE, Arachidyl Glucoside, Inulin Lauryl Carbamate, Lecithin, Behenyl Alcohol, Silica, PVP, Ammonium Acryloyldimethyltaurate/, VP Copolymer, Xanthan Gum, Cellulose Gum, Cyclodextrin, Sodium Citrate, Caramel, Phenoxyethanol, OLIGOPEPTIDE-34,
Pingback: MY FAVORITE 2016!!! | livelymoo
Pingback: LIVELYMOO FAVORITE 2016!!! | livelymoo