Moisture Water

Clinique : Turnaround™ Revitalizing Lotion

หลายเดือนก่อนหมูนั่งหาข้อมูลใน Internet อยู่ก็ไปเจอ Clinique ตัวนี้เข้าครับ เห็นว่ามันน่าสนใจดี จากการที่หมูเองก็ใช้ Product ของเค้ามามากมายเหลือเกิน จึงพอจะทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของ Brand Clinique มาโดยตลอด อย่างในเรื่องของการเปิด Product Line ที่เป็น Water Lotion (ที่เรามักจะเรียกว่าน้ำตบ) เป็นต้น

Clinique Even Better Essence Lotion.jpg

ถ้าหมูเข้าใจไม่ผิดทาง Clinique พึ่งจะมีการ Launch สินค้าแนว Water Lotion ได้ไม่น่าจะเกิน 5 ปีนะ (ตอนนี้ปี 2016) เริ่มจากตัวแรกก็จะเป็น Even Better ขวดขาวๆ ก่อน แล้วก็ตามมาด้วยเจ้า Turnaround™ ขวดฟ้านี้ แล้วก็ตามมาด้วยพวก Oil Serum อีกซึ่งเค้าก็ได้ใช้ไลน์ Turnaround นี้แหล่ะมาเล่นด้วย แต่ก็มาอย่างเงียบๆ แน่ะนะ
Turnaround Revitalizing Treatment Oil.jpg

ก็ต้องขอบอกว่าในความเห็นส่วนตัว ครั้งแรกที่ได้เห็น Clinique ลงมาในสนามของ Water Lotion ก็รู้สึกว่า คุณไม่ใช่เจ้าตลาดของเรื่องนี้ ถอยไหม ให้ SK-II หรือตัวที่เป็น Mass กว่าคุณอย่างพวก Hada Labo เค้าทำหน้าที่นี้แทนไหม แถมยังคิดในใจว่าตัวสินค้าไม่น่าสนใจหรอก โดยที่เราก็ยังไม่ได้เข้าไปดู Ingredients ของเค้าเลย ลืมสามัญสำนึกเรื่องการขึ้นเนื้อของครีมไปโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆที่สาร Active นั้นจะใส่ในเนื้อแบบไหนก็ได้ แล้วค่อยใส่สารก่อเนื้อขึ้นมาเป็นครีมอีกที แต่พอวันนี้ได้มาอ่านสารต่างๆ แล้วก็โอวววว มันยอดอยู่นะยูว์

เจ้าต้วนี้ราคา (1500บาท/200ml)

สรุปภาพรวม

เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า คือก็ต้องขอบอกว่า Clinique ไม่ได้ทำให้หมูผิดหวังในเรื่องของการใส่สาร Active ที่ดีๆ มานะครับ เจ้า Water Lotion ตัวนี้มีสารสกัดจากยีสต์มาในอันดับต้นๆ (แต่ก็ไม่รู้กี่ % น่ะนะ) ซึ่งมันก็ดูเหมือนว่าเค้าจะไป Copy เจ้า SK-II แต่สิ่งที่ทำให้ Clinique ขวดนี้แตกต่างออกไป นั้นคือสารอื่นๆ ที่เค้าใส่มาเพิ่ม ซึ่งเมื่อพิจารณาผลในภาพรวมแล้ว หมูมองว่า Water Lotion ขวดนี้มีความสามารถที่จะมอบความแข็งแรงสมบูรณ์ให้แก่ผิวได้ครับ โดยหมูจะอธิบายภาพรวมของสารในขวดนี้ให้เข้าใจถึงความสามารถของมันตามนี้นะครับ

1. ช่วยให้ผิวสามารถรักษาความชุ่มชื้นได้ดี

  • Saccharomyces Lysate Extract : สารสกัดจากยีสต์ แถมยังช่วยให้ผิวของเราดูมี Texture ที่ดีขึ้น
  • Sodium Hyaluronate : ตัวนี้ก็เป็นตัวหากินของ Hada Labo เค้า อยู่ในรูปแบบโมเลกุลเล็กที่ซึมเข้าไปในผิวได้ระดับหนึ่ง

2. ช่วยให้ชั้นผิวมีความหนามากขึ้น รักษาบาดแผลได้เร็วมากขึ้น (ผลออกไปทาง Anti-Aging เพราะผิวที่หนาขึ้นคือช่วยให้รอยตีนกาจางลงครับ)

  • Centella Asiatica (Hydrocotyl) Extract : สารสกัดจากใบบัวบกซึ่งมีความสามารถไปส่งเสริมการผลิต Collagen ได้อีกด้วย โดยสารหลักๆของมัน คือ Triterpenoid และ saponins (ที่มีในโสมเช่นกัน)
  • Bifida ferment : ตัวหากินของ Lancôme Genifique ที่มีการกล่าวอ้างเรื่องซ่อมแซมผิว
  • Acetyl Glucosamine : มีคุณสมบัติหลากหลายทั้งในเรื่องของการเสริมการสร้าง Hyaluronic รวมถึงช่วยในเรื่องของการสมานแผล ป้องกันการระคายเคือง และช่วยลดริ้วรอย
  • Adenosine Phosphate : ตัวนี้น่าสนใจเพราะการที่มันสามารถเสริมชั้นผิวให้หนาขึ้น ในทางอ้อมมันก็คือการเสริม Skin Barrier ให้ผิวรักษาน้ำได้ดีขึ้นไปในตัวด้วย
  • Acetyl Carnitine HCL : มีงานวิจัยที่ทดลองกับหนูว่าช่วยให้ผิวของมันหนาขึ้นได้

3. ลดผลกระทบจากการทำร้ายของ UV และเป็น Antioxidant

  • Caffeine : ซึ่งมี Research ว่าสามารถลดผลกระทบจากรังสี UV ได้
  • Ergothioneine : ช่วยทั้งเรื่อง UV และตัวมันเองก็เป็น Antioxidant ครับ
  • Punica Granatum Fruit Juice : น้ำทับทิม ซึ่งก็งงว่าใส่น้ำหรือสารสกัดกันแน่ ถ้าเป็นสารสกัดก็จะเป็น Antioxidant ที่ดีมากๆครับ
  • Oryza Sativa (Rice) Bran Extract : สารสกัดจากข้าวตัวนี้มีคุณสมบัติเป็น Anti-Aging ครับ มันเป็น Antioxidant แถมในสารสกัดจากข้าวยังมีสารดีๆ อย่างเช่น ferulic acid (F), γ-oryzanol (O), and phytic acid (P) อีกด้วย

4. ช่วยเรื่องผิวหนังอักเสบ (Atopic Dermatitis)

  • Lactobacillus Ferment : สารสกัดที่ได้จากแบคทีเรีย

ส่วนในเรื่องของการใช้งานนั้นก็ง่ายๆ ครับ ใช้เช้า/เย็นเป็นตัวแรกหลังล้างหน้าได้เลย แต่ว่าเวลาเปิดใช้ตอนเช้าก็อยากจะแนะนำว่าห่างๆ แสงไว้ได้ก็ดีครับ ใช้เสร็จก็เอาไปใส่กล่องอีกทีก็ได้ เพื่อรักษาผลประโยชน์บนใบหน้าไว้ให้มากที่สุดและกัน (แต่เอาจริงๆ ก็ไม่รู้หรอกนะว่านอกจากสาร Antioxidant แล้วสารอื่นๆ จะสลายไหม เพราะเมื่อก่อนก็ใช้ SK-II แบบขวดใหญ่ปั๊มๆ หมดไป 2 ขวด หมูก็วางในห้องธรรมาดา ถึงจะไม่ตากแดดแต่ก็วางไว้อย่างนั้นล่ะ 555+) หรือใครจะหยิบมาใช้เป็น Water Lotion เฉพาะสำหรับกลางคืนก็ได้นะครับ (ทำให้เรื่องมันยากขึ้นไปอีกระดับ :)) อีกอย่างคือสิ่งที่หมูเห็นแล้วประทับใจคือฝาจุกครับ เค้าทำออกมาได้โอเคมากเหมาะกับการใช้งานดี

Clinique  Turnaround™ Revitalizing Lotion 1.jpg

นอกจากการใช้งานทั่วๆไป เราก็สามารถเอามาใช้คู่กับ Cotton Sheet เพื่อทำเป็นแผ่น Mask ก็ได้นะครับ คงฟินน่าดูถ้าเอาไปแช่ตู้เย็นไว้ด้วย 🙂

สรุปข้อดี/ข้อเสีย

ข้อดี

  1. ใช้สารสกัดที่น่าสนใจจากแต่ละ Brand มารวมกันทั้งสารกสัดจากยีสต์ของ SK-II และสารสกัดจากแบคทีเรียของ Lancôme Genifique
  2. สารสกัดแต่ละตัวมีประโยชน์ที่ดีกับผิว มีผลจากการทดลองที่ดีกับผิวมากมาย ครบครัน
    • ช่วยให้ผิวรักษาความชุ่มชื้นได้ดี
    • ช่วยให้ผิวมีความหนามากขึ้น
    • ช่วยในเรื่องของการสมานแผล
    • ลดผลกระทบจากการทำร้ายจากแสงแดด
    • เป็น Antioxidant
  3. เนื้อสัมผัสใช้ได้ง่าย จะนำมาทำเป็น Mask ก็ได้ ใช้คู่กับสำลีแบบต่างๆ

ข้อเสีย

  1. Packaging โปร่งแสง

 

ขอบคุณที่ติดตามกันครับ อย่าลืมไปตามต่อกันในเพจนะคับ : livelymoo ครับ:)


รีวิวละเอียด ขี้เกียจข้ามเลยครับ

เนื้อสัมผัส

Clinique  Turnaround™ Revitalizing Lotion 2.jpg

เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นเนื้อน้ำใสๆ มีกลิ่นน้อยมากๆ แทบจะไม่รู้สึกเลยครับ ไม่เหม็นเหมือน SK-II (แต่นั้นก็อาจจะหมายความว่าใส่มาน้อยจนไม่รู้สึกอะไรเลย 555+)

Clinique  Turnaround™ Revitalizing Lotion 3

เกลี่ยรอบแรก เนื้อ Water Lotion กระจายตัวได้ง่าย Feeling เหมือนน้ำ ให้ความรู้สึกชุ่มชื้นดีครับ

Clinique  Turnaround™ Revitalizing Lotion 4.jpg

หลังเกลี่ยเสร็จก็รู้สึกชุ่มชื้นดีครับ แต่ยังไงก็ควรจะหา Serum และ Cream อื่นมาลงทับต่อนะ

 รายละเอียดส่วนผสม

  1. Water
  2. Glycerin
    • ให้ความชุ่มชื้น ดึงน้ำเข้าผิว (Humectant)
  3. Dipropylene Glycol
  4. Propanediol
    • เป็นสารสกัด glycol ชิดหนึ่งที่มีความบริสุทธิ์สูงซึ่งได้มาจากการหมักข้าวโพด เจ้าตัวนี้มี Formula เดียวกับ Propelene Glycol นะครับ (C3H8O2) แต่ในความเป็นจริงแล้ว Structure มันจะต่างกัน โดยหลักๆ แล้วเจ้า Propanediol จะมี Rating ในการเป็นพิษ (Toxicology profile) ต่ำกว่าเจ้า Propelene Glycol ครับ
  5. Saccharomyces Lysate Extract (SCE)
    • นี้เป็นสารสกัดจากยีสต์อันโด่งดัง SK-II ครับ ซึ่งมันก็ยังไม่ได้มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เท่าไหร่ครับ แต่ก็ไปเจอข้อมูลใน Pubmed มาจนได้ เค้าบอกว่ามันช่วยเรื่อง oxidative stress (ต้านอนุมูลอิสระ) และช่วยเรื่องความชุ่มชื้นของผิว ซึ่งเค้าก็ทดลองประสิทธิภาพโดยเทียบ 4 สูตร เป็น
      • 1.เบสเปล่า
      • 2.เบส+ Vitamin A C และ E
      • 3. เบส + SCE
      • 4. เบส + Vitamin ACE + SCE
    • แล้วตรวจผลวันที่ 3, 15 และ 30 วัน พบว่าเจ้า SCE สามารถเพิ่มความชุ่มชื้น และเพิ่ม Texture ของผิวได้มากกว่าสูตรอื่นๆ อย่างชัดเจน
  6. Centella Asiatica (Hydrocotyl) Extract
    • สารสกัดจากใบบัวบก เจ้าตัวนี้เป็นตัวทำมาหากินของ Brand Sisley มาช้านานครับ สรรพคุณดีงามมากมายหลากหลาย เช่นรักษาอาการแพ้อักเสบ หรือช่วยในเรื่องของการสมานแผลและการผลิต Collagen โดยสารหลักๆของมัน คือ Triterpenoid และ saponins (ที่มีในโสมเช่นกัน)
  7. Caffeine
    • พูดถึงสารตัวนี้ก็มักจะนึกถึงกาแฟเป็นหลัก ซึ่งก็เป็นส่วนที่หมูสงสัยมานานว่าคาเฟอีนนี้สามารถช่วยให้ผิวกระชับ ลด Cellulite ได้จริงหรือไม่ตามที่เราได้รับรู้ผ่านโฆษณาต่างๆ หมูไปเจอ Research เรื่องการซึมผ่านผิวหนังของคาเฟอีนมาก็พบว่ามันซึมได้จริงนะครับ
    • ไปเจอ Report ว่า Caffeine สามารถลดผลกระทบของ UV กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดได้ รวมถึงมันยังไปยับยั้งการทำงานของ 5-α-reductase activity จึงส่งผลให้ผมไม่หลุดร่วงครับ
    • เจออีก Report ว่า Caffeine ช่วยลดอัตราการสูญเสียน้ำในผู้ชายได้
  8. Bifida Ferment
    • ตัวนี้เหมือนทาง Clinique เขียนชื่อสารมาไม่ครบเลยครับ เพราะเวลาหาข้อมูลก็จะเจอแต่คำว่า “Bifida Ferment Lysate” เท่านั้น ซึ่งมันก็โด่งดังมาจาก Lancôme Genifique นั้นเอง
    • เจ้าสารตัวนี้เป็นสารสกัดที่ได้จากหมักแบคทีเรีย Bifida แล้วกล่าวอ้างกันว่ามันจะเข้าไปช่วยเรื่องการซ่อมแซมผิวได้ (กรณีเหมือน SK-II เอา)
    • หมูไปเจอ Patent ที่บอกว่าเจ้าสารตัวนี้สามารถช่วยกู้ให้ผิวกลับมาสมบูรณ์มากขึ้น แต่ในการทดลองเค้าก็ใส่ที่ความเข้มข้น 10% – 12.4% นะครับ
  9. Acetyl Glucosamine
    • เป็นคู่หูของ Vitamin B3 ครับ มีงานวิจัยว่า Vitamin B3 4% + Acetyl Glucosamine 2% สามารถลด จุดด่างดำบนใบหน้า (Facial Spot) และ Hyperpigment ได้อย่างมีนัยสำคัญ (เป็นการทดสอบในหญิงอายุ 40-60ปี ระยะเวลาการทดสอบ 10 สัปดาห์)
    • ข้อมูลจาก Pubmed บอกว่ามันมีคุณสมบัติหลากหลายทั้งในเรื่องของการเสริมการสร้าง Hyaluronic รวมถึงช่วยในเรื่องของการสมานแผล ป้องกันการระคายเคือง และช่วยลดริ้วรอย
  10. Lactobacillus Ferment
    • อันนี้เราก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันเอาแบคทีเรียสายพันธุ์ไหนมาหมัก แต่เท่าที่หาข้อมูลมาพวกสารสกัดจากแบคทีเรียชนิดดี มันก็เป็นมิตรกับผิวและยังช่วยบรรเทาอาการผิวหนังอักเสบ (atopic dermatitis)  และโรคผิวหนัง (eczema) ได้ด้วย
  11. Creatine
    • ตัวนี้น่าสนใจครับ เค้าบอกว่าเจ้า Creatine มันจะเป็นพลังงานให้แก่ผิวของเราช่วยให้ผิวของเราต่อต้านผลกระทบจากการทำร้ายของแสง UV ได้ ซึ่งเค้าได้ผลว่ามันช่วยได้จริงๆ ทั้งจากการทดลองในหลอด (In Vitro) และกับคน (In Vivo) หมูมองว่ามันเป็นแนว Anti-aging ครับ
  12. Ergothioneine
    • ตัวนี้เป็นสาร Antioxidant ที่ดีตัวนึงครับ มันสามารถช่วยในเรื่องของการลดผลกระทบของรังสี UVA ได้ ให้พูดภาษาง่ายๆ คือช่วยกันหน้าเหี่ยวได้บ้างครับ
    • ไปเจออีกงานวิจัยใน Pubmed ว่ามันสามารถช่วยผิวหนังที่โดนทำร้ายมาจากแสงแดดได้ครับ ซึ่งเค้าได้ทำการทดลองอยู่ 12 อาทิตย์ และพบว่า Serum ที่มีเจ้าสารตัวนี้ผสมอยู่ (vitamins C and E, ergothioneine, blackberry leaf extract, coenzyme Q-10, green tea extract, sericin and saccharomyces ferment filtrate) สามารถช่วยผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดดให้ดีขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งถ้าเข้าไปดูใน LINK ก็จะเห็นว่ารอยตีนกาต่างๆดูเรียบเนียนมากขึ้นครับ
  13. Adenosine Phosphate
    • ตัวนี้เหมือนเขียนชื่อมาผิดยังไงก็ไม่รู้นะครับ เพราะว่าตอนที่หาข้อมูลมันจะมีแต่คำว่า Adenosine Triphosphate ครับ ซึ่งงานวิจัยใน Pubmed ก็ขึ้นมากมายที่เกี่ยวกับการรักษาบาดแผลต่างๆ (Wound Healing) โดยเค้าจะบอกว่ามันช่วยประตุ้นให้ผิวหนังสามารถรักษาบาดแผลได้ไวมากขึ้น และยังช่วยคืนความแข็งแรงให้แก่ Skin Barrier ช่วยให้ชั้นผิวมีความหนามากขึ้น รวมถึงการตอบสนองต่อการระคายเคืองของผิวที่ดีขึ้นด้วย ถือเป็นสารอีกตัวที่น่าสนใจเลยทีเดียว (ถ้าเค้าไม่ได้เขียนมาผิดตัวนะ)
  14. Punica Granatum Fruit Juice
    • น้ำทัยทิม! ถามจิงใส่น้ำทับทิมมาเนี๊ยนะ Omg!! แต่ในขวดยังใสแจ๋วเลยนะ 555+ เอาเป็นว่าอาจจะเป็นสารสกัดก็ได้มั๊งครับเพราะว่าทับทิมขึ้นชื่อมากอยู่แล้วในเรื่องของการเป็น Antioxidant ให้แก่ผิว
    • นอกจากนี้ใน Pubmed เองก็มีการเอ่ยถึงการทดลองกับหนู เพื่อศึกษาความสามารถในการรักษาบาดแผล โดยเปรียบเทียบกับแผลที่ไม่ได้รับสารสกัดจากทับทิมครับ พบว่ามันช่วยได้อย่างมีนัยสำคัญ
    • นอกจากนี้ก็ยังมีงานวิจัยที่บ่งบอกว่าสารสกัดจากทับทิมสามารถช่วยในเรื่องของโรคทางผิวหนังรวมถึงการยับยั้งการผลิตเมลานินได้อีกด้วย
  15. Acetyl Carnitine HCL
    • ตัวนี้ก็เป็นอีกตัวที่รู้สึกเหมือนจะเขียนชื่อสารมาผิด เพราะเวลาหาข้อมูลจะเจอแต่คำว่า Acetyl L Carnitine HCL หรือ L-Acetylcarnitine ครับ
    • มีการทดลองกับหนู ก็น่าสนใจดีว่าเจ้าสารตัวนี้สามารถช่วยให้ผิวหนังขั้นเนื้อเยื่อเพิ่มความหนาขึ้นได้ แต่มันก็เฉพาะเจาะจงกับบางช่วงอายุของหนูเท่านั้น
  16. Oryza Sativa (Rice) Bran Extract
    • สารสกัดจากข้าวตัวนี้มีคุณสมบัติเป็น Anti-Aging ครับ มันเป็น Antioxidant แถมในสารสกัดจากข้าวยังมีสารดีๆ อย่างเช่น ferulic acid (F), γ-oryzanol (O), and phytic acid (P) อีกด้วย
    • นอกจากนี้สารสกัดจากข้าวยังสามารถช่วยในเรื่องของการรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
  17. PEG-8
  18. PPG-6-Decyltetradeceth-30
  19. Caprylyl Glycol
  20. Carbomer
  21. Trehalose
    • เป็นรูปหนึ่งของน้ำตาลครับ มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นให้ผิว (water-binding) ให้ความชุ่มชื้นแบบ Humectant
  22. Hexlyene Glycol
  23. Yeast Extract
  24. Sodium Hyaluronate
    • ตัวนี้คงรู้จักกันดีอยู่แล้ว เป็นสารที่มีความสามารถในการอุ้มน้ำได้ถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัว ช่วยในเรื่องของความชึ่มชื้น แต่ตัวนี้เป็นชนิดโมเลกุลใหญ่สุดก็จะทำหน้าที่เคลือบอยู่บนผิวหนังของเรา
  25. Polyquaternium-51
  26. Butylene Glycol
  27. Tromethamine
  28. Trisodium EDTA
    • สารจับโลหะแขวนลอยที่จะไป Degrade สารบางตัวในครีม
  29. Phenoxyethanol
    • สารกันเสีย

Ingredients : Water, Glycerin, Dipropylene Glycol, Propanediol, Saccharomyces Lysate Extract, Centella Asiatica (Hydrocotyl) Extract, Caffeine, Bifida Ferment, Acetyl Glucosamine, Lactobacillus Ferment, Creatine, Ergothioneine, Adenosine Phosphate, Punica Granatum Fruit Juice, Acetyl Carnitine HCL, Oryza Sativa (Rice) Bran Extract, PEG-8, PPG-6-Decyltetradeceth-30, Caprylyl Glycol, Carbomer, Trehalose, Hexlyene Glycol, Yeast Extract, Sodium Hyaluronate, Polyquaternium-51, Butylene Glycol, Tromethamine, Trisodium EDTA, Phenoxyethanol.

1 Comment

  1. Pingback: Clinique : Turnaround Revitalizing Serum | livelymoo

Comments are closed.