Serum

StriVectin : Intensive Illuminating Serum

สวัสดีครับ วันนี้หมูมากับ Brand ที่เราส่วนใหญ่จะมีความรู้สึกต่อเค้าว่า ทาง Brand จะเน้นเรื่องส่วนประกอบที่ดี และดูเป็น Brand ที่มี Innovation (นวัตกรรม) มีการคิดค้นสารประกอบพิเศษที่ Brand อื่นๆ ไม่มี เหมือนกับพวก สาหร่ายนาซ่าของ La Mer หรือ Life Plankton ของ Biotherm ซึ่ง Strivectin ก็ได้นำเจ้าสาร NIA-114™ มาลงแข่งในตลาด Skincare นั้นเอง

เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ คือทาง Brand น่ะเค้าพยายามจะอ้างว่าเค้ามีการคิดค้นสารที่ชื่อว่า NIA-114™  (ถ้าไปอ่านใน Ingredients ก็จะเจอคำว่า Myristyl Nicotinate : MN ครับ) ซึ่งถ้าดูตาม VDO เค้าก็บอกว่ามีการเทสต่างๆมากมาย ได้ผลลัพธ์โน้นนี้ บลาๆๆ (ก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อได้แค่ไหนนะครับ) นอกจากนี้เค้าก็บอกว่าสารตัวนี้มันสามารถซึมลึกเข้าสู้ผิวได้ในชั้นที่ลึกมาก โดยมันจะไปช่วย ดังนี้

  1. Energize Skin Cells : ให้พลังงานแก่เซลล์
  2. Strengthen and Rebuild the Skin Barrier : เสริมให้ Skin Barrier มีความแข้งแรงมากขึ้น รักษาน้ำในผิวไว้ได้ดีขึ้น โดยอ้างว่าผิวมันจะแข็งแรงขึ้น 88% (เอาไรมาวัดก็ไม่รู้)
  3. Prevent the Impact of Environmental Aggressors : ช่วยปกป้องจากมลภาวะแวดล้อม เช่นแสงแดด ฝุ่นควันต่างๆ
  4. Turbocharge Other Active Ingredients : คือเข้าไปช่วยให้ Active อื่นๆในครีมทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นใน Line Wrinkle ก็จะไปช่วยเสริมตัว Collagex-CE (ประกอบไปด้วยอะไรบ้างก็ไม่รู้) หรือไปเสริมการทำงานของ Retinol ในเรื่องของการปรับ Skin Tone

 

620px-Hexylresorcinol.svg

จริงๆ แล้วเจ้า NIA-114™ มันก็เป็นสารประกอบ Niacin ฟังแล้วก็คุ้นๆกับคำว่า Niacinamide หรือ Vitamin B3 นะครับ และ… ใช่ครับมันคือสารกลุ่มเดียวกับ Vitamin B3 นั้นเอง สารตัวนี้มาจากการวิจัยของ Dr. Myron Jacobson ซึ่งเป็น biochemist ครับ ซึ่งเค้าและภรรยาก็เป็นคนนำทีมวิจัยเองนั้นล่ะ โดยทั่วไปแล้ว Gold Standard ในการรักษาริ้วรอยมันคือ Tretinoin (Vitamin A ชนิดหนึ่ง อ่านรายละเอียด Vitamin A ที่นี้) ซึ่งปกติแล้ว Vitamin A จะทำให้ผิวเราบางลงอ่อนแอลงจนทำให้เราไม่สามารถใช้ Skincare บางตัวที่ไม่ได้อ่อนโยนต่อได้ครับ ตัวนี้ทางผู้คิดค้นใช้คำว่า “You get the gain without the pain.” เลยทีเดียวเชียวล่ะ (ส่วนตัวฟังแล้วก็ Againts ทันที 555+ โม้จีๆ)

อย่างไรก็ตามครับ ในเมื่อจะมาขายสาร NIA-114™ (MN) ให้กับ Consumer อย่างหมู หมูก็ Search สิ รออะไร 555 ข้อมูลมีไว้หาเนาะ หมูก็ไปเจอรายละเอียดใน Pubmed มาสรุปสั้นๆเลยคือมันช่วยเสริม Skin Barrier ได้ครับ เค้าทดสอบกับผู้หญิงที่มีการใช้ Retinoic Acid (เพราะ Vitamin A มันทำให้ผิวชั้น Stratum Corneum บางลง เป็นผลให้ Skin Barrier มันแย่ลง และเป็นผลให้ TEWL หรือชื่อเต็มคือ Transepidermal Water Loss ที่แปลว่าอัตราการสูญเสียน้ำของผิวมันพุ่งสูงขึ้น ที่เป็นเหตุผลว่าทำไมช่วงใช้ Vitamin A แล้วหน้าของเราแห้งไวนั้นเอง) ซึ่งได้ผลว่าเจ้า MN นี้มันช่วยลด Side-Effect จากการใช้ Retinoic Acid ได้ล่ะ แต่ในส่วนของวิจัยว่ามันไปเสริมประสิทธิภาพของ Retinoic Acid ไหม… ไม่จะ เป็นแค่คำเคลมของทาง Brand เท่านั้นครับ

นอกจากนี้จากที่หมูได้เกริ่นไปข้างต้นนั้น แท้จริงแล้วตัว Brand เอง ก็เคยถูกทาง FDA ลงดาบมารอบหนึ่งถึงความโม้ในการโฆษณามาเช่นกันนะครับ เนื่องจากปี 2003 ตอนที่เค้าได้ออกสินค้าและ Slogan ที่ว่า “Better than Botox” มานั้นทำให้กลุ่มลูกค้าสาวๆ (หรือหนุ่มๆที่มีใจจะหน้าตึง) บางกลุ่มแห่แหนกันไปอุดหนุนสินค้าของ StriVectin กันมากมาย ซึ่งในเวลาต่อมามันก็พิสูจน์ไปในตัวน่ะนะว่ามันทำไม่ได้ จนสุดท้ายมาจบที่ “You get the gain without the pain.” นั้นล่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้น Reseach จาก Pubmed ก็เป็นอะไรที่น่าจะเป็นจริงมากสุดในเรื่องของการเสริม Skin Barrier ครับ ใครที่สนใจเรื่องราวที่มาของ Brand ว่าเป็นมาอย่างไร ถูกใคร Takeover ไปบ้าง ก็กดเข้าไปอ่านกันได้ที่ LINK นี้นะครับ

สรุปภาพรวม

เรามาพูดถึง Product ตัวนี้กันบ้างครับ หมูมองสารประกอบของ Product ตัวนี้ออกเป็นตามนี้นะครับ

1. ความสามารถในการเป็น Whitening ก็จะประกอบไปด้วย

  • ก็จะมี NIA-114™ ครับ ตัวนี้นอกจากที่หมูเขียนในเรื่องของการบำรุง Skin Barrier ไปข้างต้นแล้ว หมูมองว่ากลุ่ม Vitamin B3 ยังไงก็ยังทำหน้าที่ยับยั้งการส่งผ่านเมลานินเข้าไปยังเซลล์ผิวครับ
  • Hento White เป็นตัวที่ทำให้ครีมมีสีน้ำตาลซะขนาดนี้นะครับ ดูจากปริมาณที่ใส่เข้ามาแล้วก็น่าจะใส่มาหลาย % อยู่นะครับสีขึ้นมาซะเข้มเชียว แต่เอาเข้าจริงแล้วในส่วนของ Hento White นั้นจะช่วยให้ผิวเราขาวได้จริงหรือไม่ก็ยังไม่มีผลพิสูจน์ที่เป็นทางการอย่างแท้จริงนะครับ
  • Vitamin C รูปแบบ Tetrahexyldecyl Ascorbate ซึ่งมีความสามารถละลายในน้ำมันครับ ตัวนี้น่าจะดูดซึมเข้าผิวได้ดี โดยทั่วไปแล้ว Vitamin C จะเป็น Antioxidant แล้วช่วยให้หน้าดูสว่างมากขึ้น ดู Bright มากขึ้น นอกจากนี้มันยังช่วยกระตุ้นการผลิต Collagen ได้ ซึ่งก็เป็นการช่วยลดริ้วรอยบางๆ ได้บ้างครับ ข้อดีคือทาง Brand ไม่ได้ลืมใส่ Vitamin E เข้ามาให้มันช่วยเสริมการทำงานกันและกันจากการ Share Electron จาก Vitamin E ที่ใช้ให้ Vitamin C มีความเสถียรมากขึ้นครับ
  • สารสกัดจาก Water Cress มีความสามารถเป็น Antioxidant ลด Lipid peroxidation ซึ่งเป็นอาการที่ออกซิเจนทำปฎิกิริยากับไขมันออกมาเป็นของเสีย แล้วทำให้โปรตีนเราเปลี่ยนสี และสุดท้ายคือ Skin Tone เราก็จะอมเหลืองขึ้นมาครับ
  • เป็นพืชตระกูลมินท์ มีผู้ขายสารพยายามจะชูว่ามันมีความสามารถในการยับยั้ง Tyrosinase แต่ยังไม่เจอข้อมูลใน Pubmed เท่าไหร่ ไปเจอว่าน้ำมันของมันมีความสามารถในการยับยั้งแบคทีเรีย

2. สารที่ช่วยเรื่องการสมานผิว

2e75a223dfa01dc274859efd15ae7d7d

  • สารสกัดจากดอกเดซี่มีวิจัยว่ามันมีสาร Saponin ที่ช่วยยับยั้งอาการของเนื้องอก และมีความสามารถในการสมานแผล ช่วยให้ปากแผลปิดได้ไวขึ้น เป็นผลที่ได้จากการทดลองกับผิวของหนูนะครับ
  • สารสกัดจากยีสต์มีวิจัยว่ามันช่วยเร่งกระบวนการรักษาของแผลครับ เค้าเอาไปทดสอบกับหนูที่เป็นเบาหวานนะ
  • มีสารสกัดจากสาหร่ายที่ช่วยในเรื่องการต้านเซลล์มะเร็ง แต่บังเอิญเค้าไม่ได้เขียนพันธุ์ของสาหร่ายมาให้ชัดเจน

สรุปข้อดีข้อเสีย

ข้อดี

  1. มีสารประกอบที่เน้นชัดเจนเลยในด้านการเป็น Whitening
  2. มีสารที่เน้นไปในเรื่องของการบำรุง Skin Barrier
  3. มีสารที่เน้นในการเสริมการเป็น Antioxidant และเสริมการสมานแผล
  4. บรรจุภัณฑ์ทึบแสง ไม่ใส่สี และน้ำหอม

ข้อเสีย

  1. สาร Hento White และสารสกัดจากพืชตระกูลมินท์ยังไม่มีวิจัยที่เป็นทางการรองรับแน่นอน

ราคา 3,850/30ml

อย่าลืมไป Update ข่าวสารที่ Facebook : livelymoo กันนะครับ


รีวิวละเอียด ขี้เกียจอ่าน ข้ามเลย

เนื้อสัมผัส

StriVectin Intensive Illuminating Serum 1

เนื้อครีมเป็นสีส้มอมน้ำตาลชัดเจนนะครับ มีกลิ่นแปลกๆนะ อธิบายไม่ถูกแต่มันก็ไม่ได้เหม็นอะไรนะครับ

StriVectin Intensive Illuminating Serum 2

ตอนเกลี่ยก็แอบตกใจเล็กน้อยกลัวว่าทาไปแล้วจะหน้าเหลือง แต่ก็เนื้อดีมากครับเกลี่ยง่ายดี

StriVectin Intensive Illuminating Serum 3

เมื่อทาเสร็จแล้วผิวก็ไม่ได้เหลืองอะไรขึ้นมากเท่าไหร่ครับ

รายละเอียดส่วนผสม

  1. Aqua (Water, Eau)
  2. Bellis Perennis (Daisy) Flower Extract
    • 2e75a223dfa01dc274859efd15ae7d7d
    • Credit Photo : Pinterest
    • สารสกัดจากดอกเดซี่มีวิจัยว่ามันมีสาร Saponin ที่ช่วยยับยั้งอาการของเนื้องอก
    • มีความสามารถในการสมานแผล ช่วยให้ปากแผลปิดได้ไวขึ้น เป็นผลที่ได้จากการทดลองกับผิวของหนูนะครับ
  3. Isopropyl Myristate
  4. Myristyl Nicotinate
    • มีคือสาร NIA-114™ ของทาง Strivectin มีวิจัยว่ามันเสริม Skin Barrier จากคนที่ใช้ Vitamin A ได้ แต่มันจะไม่ช่วยเสริมประสิทธิภาพของ Vitamin A
    • มีงานวิจัยว่ามันเป็นสารที่สามารถเสริม Skin Barrier รักษาอาการผื่นผิวหนังอักเสบ และมีความเสถียรสูง โดยวางไว้ที่อุณหภูมิของห้องได้ยาวนานถึง 3 ปี โดยที่มันสลายไปไม่ถึง 0.05%
  5. Pentylene Glycol
    • Slip Agent เพิ่มความเรียบลื่นให้ Products
  6. Glycerin
    • เป็น Humectant ให้ความชุ่มชื้น
  7. Hexylresorcinol
    • 620px-Hexylresorcinol.svg
    • Credit Photo : wikimedia.org
    • เจ้าตัวนี้ถ้าไปอ่านจากในเวบป้าพอลล่าก็จะพบว่ามันยังไม่มีวิจัยจริงจังถึงผลกระทบต่อผิวของคนเรานะครับว่ามันช่วยให้เราขาวขึ้นได้ยังไง แต่ที่แน่ๆ คือมันเป็น Antioxidant ได้ ทั้งนี้ในเวบป้าพอลล่าก็จิกกัดได้สนุกสนานดี เค้าบอกว่า Research น่ะพบว่าเจ้าสารตัวนี้มันมีประสิทธิภาพต่อการเปลี่ยนสีที่เกิดการ Oxidation ของเปลือกกุ้งหรือผลไม้ (คือเค้าใช้สารนี้กันในอุตสาหกรรมอาหารกันอยู่แล้ว เพื่อป้องกันการเปลี่ยนสีของอาหารเป็นสีน้ำตาล (Browning)) แล้วป้าพอลล่าก็ถามกลับมาเบาๆ ว่า แล้วผิวของคนมันมีส่วนประกอบอะไรที่เหมือนผลไม้หรือเปลือกกุ้งรึปล่าวล่ะ? การเอามาเชื่อมโยงกันแบบนี้มันดูง่ายไปมั๊ย? 555+ ก็เข้าใจถามดีคับ นอกจากนี้มี Research ของสารตัวนี้ที่เอาไปเทสกับผิวของคนจริงๆ นะ แต่ก็ดันเอาเนื้อครีมที่มีเจ้าตัวนี้ใส่ผสมรวมกับ B3, Arbutin ที่ช่วยในเรื่องความขาวอยู่แล้ว แล้วจะไปรู้ได้ไงว่าขาวเพราะใคร (เหมือนท้องไม่มีพ่อเลยอะ 555+)
  8. Mica
  9. Polymethylsilsesquioxane
  10. Tetrahexyldecyl Ascorbate
    • 1944233921
    • เป็น Vitamin C ชนิดหนึ่งที่อยู่ในรูปละลายน้ำมัน (lipid soluble) มีงานวิจัยโดยเค้าเอา 10% ascorbic acid (water soluble) and 7% tetrahexyldecyl ascorbate (lipid soluble) มาเปรียบเทียบกับการทาหน้าอีกข้างด้วยซิลิโคนเบสเปล่าพบว่าฝั่งที่ทา Vitamin C Complex นั้นได้ผลการกระตุ้น และช่วยให้ผิวชุ้มชื้นมากกว่าผิวอีกฝั่งอย่างมีนัยสำคัญ
  11. Lysolecithin
  12. Sclerotium Gum
    • Thickening Agent เอาไว้สร้างเนื้อครีม
  13. Dimethicone
    • ซิลิโคน
  14. Yeast Extract
    • สารสกัดจากยีสต์มีวิจัยว่ามันช่วยเร่งกระบวนการรักษาของแผลครับ เค้าเอาไปทดสอบกับหนูที่เป็นเบาหวานนะ
    • สามารถช่วยลดเม็ดสีได้ หากยีนส์นั้นถูกเลี้ยงด้วย daidzein, genistein และ apigenin
  15. Sodium Acrylates Copolymer
    • ตัวนี้น่าจะมากับ Lecithin มีชื่อทาวงการค้าว่า LECIGEL™ นะครับ ทำหน้าที่เป็น Emulsifier
  16. Caprylyl Glycol
  17. Lecithin
  18. Pullulan
    • สารก่อฟิลม์ มีความสามารถในการละลายกับน้ำ โดย CosmeticsCop.com บอกว่ามันคือ “Glucan gum produced by black yeast that contains polysaccharides, which makes it a good water-binding agent, thickening agent, and antioxidant,” ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเจ้าตัวนี้มักจะใส่อยู่ในครีมแนว Anti Aging ช่วยให้เกิดการตึงกระชับจากการก่อฟิลม์
  19. Algae Extract
    • นี้ก็เขียนมาลอยๆ มากเพราะสาหร่ายมีหลายสายพันธุ์ ไม่รู้จะให้ข้อมูลยังไง แต่โดยทั่วไปแล้วมันก็ช่วยเรื่องผิวได้อยู่ครับ เช่นสารสกัดจากสาหร่าย Combu ก็สามารถช่วยต้านเซลล์มะเร็งได้
  20. Tocopheryl Acetate
    • Vitamin E
  21. Soy Amino Acids
    • ตัวนี้หาข้อมูลไม่พบครับ แต่ส่วนใหญ่แล้วสารสกัดที่ได้จากถั่วเหลืองจะมีความสามารถในการยับยั้งการส่งผ่านเมลานินเข้าสู่เซลล์ผิวได้
  22. Nasturtium Officinale Extract
    • nasturtium-officinale-le-ahaines-a.jpg
    • Credit Photo : newfs.s3.amazonaws.com
    • สารสกัดจาก Watercress มีความสามารถเป็น Antioxidant ลด Lipid peroxidation ในตับของหนูทดลอง (การที่ออกซิเจนทำปฏิกริยากับไขมันออกมาเป็นของเสีย)
  23. Melissa Officinalis Leaf Extract
    • melissa_officinalis_lemon_balm_leaf_02-08-04.jpg
    • Credit Photo : http://www.aphotoflora.com
    • เป็นพืชตระกูลมินท์ มีผู้ขายสารพยายามจะชูว่ามันมีความสามารถในการยับยั้ง Tyrosinase แต่ยังไม่เจอข้อมูลใน Pubmed เท่าไหร่ ไปเจอว่าน้ำมันของมันมีความสามารถในการยับยั้งแบคทีเรีย
  24. Ethylhexylglycerin
  25. Tetrasodium Glutamate Diacetate
  26. Hexylene Glycol
  27. Parfum (Fragrance)
  28. Xanthan Gum
  29. Alcohol
  30. Phenethyl Alcohol
  31. Potassium Sorbate
  32. Sodium Benzoate
  33. Disodium Phosphate
  34. Sodium Hydroxide
  35. Tetrasodium EDTA
  36. Phenoxyethanol
    • สารกันเสียนิยมใส่กันประมาณ 1%

Ingredients : Aqua (Water, Eau), Bellis Perennis (Daisy) Flower Extract, Isopropyl Myristate, Myristyl Nicotinate, Pentylene Glycol, Glycerin, Hexylresorcinol, Mica, Polymethylsilsesquioxane,Tetrahexyldecyl Ascorbate, Lysolecithin, Sclerotium Gum, Dimethicone, Yeast Extract, Sodium Acrylates Copolymer, Caprylyl Glycol, Lecithin, Pullulan, Algae Extract, Tocopheryl Acetate, Soy Amino Acids, Nasturtium Officinale Extract, Melissa Officinalis Leaf Extract, Ethylhexylglycerin, Tetrasodium Glutamate Diacetate, Hexylene Glycol, Parfum (Fragrance), Xanthan Gum, Alcohol, Phenethyl Alcohol, Potassium Sorbate, Sodium Benzoate, Disodium Phosphate, Sodium Hydroxide, Tetrasodium EDTA, Phenoxyethanol